คนไทยกินอิ่มแต่ขาดสารอาหาร: เปิดปัญหา Hidden Hunger ที่ AI อาจเป็นคำตอบ
- Carbonoi
- 10 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
เห็นรูปนี้แล้วแปลกใจ! เมื่อประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร แต่เรากลับตกอยู่ในโซนสีเหลือง แปลว่า คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่ดี
.
ในรายงาน Powering the food industry with AI โดย MIT แสดงภาพสัดส่วนของประชากรที่มีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
.
โดยอาหารเพื่อสุขภาพจะถูกจัดว่า “มีราคาที่เอื้อมไม่ถึง” เมื่อต้นทุนของอาหารนั้น + ค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่น ๆ รวมกันแล้ว มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อวันของบุคคลนั้น
.
สถานการณ์นี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า 🍽️ Hidden Hunger 🍽️
.
นี่ม่ใช่ความหิวแบบที่เรามักนึกถึงว่า…ไม่มีข้าวกินแต่คือ ภาวะขาดสารอาหารจำเป็น แม้คนๆ นั้นจะกินอิ่ม หรือได้รับแคลอรีเพียงพอในแต่ละวัน
.
📊 ปัจจุบันมีคนทั่วโลกมากกว่า 2 พันล้านคน (1 ใน 4 ของประชากรโลก)ที่เผชิญกับภาวะนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตล่าช้า ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สมาธิสั้น เรียนรู้ช้า หรือเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาวได้
.
แต่เรามีข่าวดี! หนึ่งในแนวทางที่ช่วยแก้ปัญหานี้คือ การเติมสารอาหารในพืช ผ่านกระบวนการ "Biofortification"
.
อธิบายสั้น ๆ นี่คือการปรับปรุงพันธุกรรมพืชให้มีวิตามิน/แร่ธาตุมากขึ้นในตัวเองโดยธรรมชาติ โดยไม่ต้องเติมเพิ่มภายหลัง เช่น ข้าวโพดที่มีวิตามิน A สูง หรือข้าวที่มีธาตุเหล็กมากขึ้น
.
แน่นอนว่า AI จะช่วยคัดเลือกพันธุ์พืชแบบแม่นยำ ด้วยการวิเคราะห์ ลักษณะทางพันธุกรรม (genetic traits) ที่สัมพันธ์กับคุณค่าทางโภชนาการสูง และช่วยจำลองวิธีปลูกที่เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศในเวลาอันสั้น แทนการทดลองนานหลายปี
.
การปลูกพืชที่โภชนาการสูงในฝั่งเอเชียย่อมเป็นคนละชนิดกับฝั่งแอฟริกา AI สามารถช่วยออกแบบอาหารที่เหมาะกับประชากรเฉพาะกลุ่ม วิเคราะห์ฐานข้อมูลโภชนาการของประชากรแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้าง “เมนูสุขภาพ” ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านรสชาติ ราคาถูก และคุณค่าทางอาหาร
.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากองค์การอาหารโลก (World Food Program) บอกว่าคุณภาพของการทำ Biofortification ยังไม่สูงเพียงพอ ทำให้อาหารประเภทนี้ยังมีไม่มาก
.
แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าตื่นเต้น ที่โลกเรามีตัวช่วยพัฒนาอาหารที่ “อร่อย-ดีต่อสุขภาพ-เข้าถึงง่าย” มากขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่ม 😊
—--
อ้างอิง
ความคิดเห็น