top of page
ค้นหา

ดาต้าเซนเตอร์อยู่ที่ไหนก็ได้บนโลก ทำไมไทยต้องทำเอง?

  • รูปภาพนักเขียน: Carbonoi
    Carbonoi
  • 10 ธ.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

คำถามนี้อาจจะดูยียวนกวนไปหน่อย แต่น่าคิดว่า เมื่อต่างชาติทำได้เก่งกว่า อุปกรณ์ชิปประมวลผลก็ต้องซื้อจากเขา แล้วไทยเราจะมีโอกาสตรงไหนให้ทำต่อ?


อ.ฝน ผู้ก่อตั้งเพจคาร์บอนน้อย มีมุมมองน่าสนใจมาฝากกันค่ะ


ย้อนไปตั้งแต่พ.ศ.ปี 2563 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเจ้าแรกของไทยที่ลงทุนซื้อเครื่อง NVIDIA DGX A100 หลายล้านบาทมาใช้ในงานวิจัย แต่ผ่านไปไม่นาน เครื่องรุ่นใหม่ก็ออกมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ต่างก็ควักเงินหลักร้อยล้านซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ GPU มาใช้เอง เข้าวงการนี้แล้วต้องทำใจว่า เทคโนโลยีไปไวมาก มีบริษัทเพียงไม่กี่เจ้าบนโลกที่ผลิตชิปสมรรถนะสูงได้ 


ในทางทฤษฎี ดาต้าเซนเตอร์อยู่ที่ไหนก็ได้บนโลก เราอาจไม่รู้ตัวว่าข้อมูลไทยจำนวนไม่น้อยอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ เช่น อเมริกา อินเดีย สิงคโปร์ ซึ่งค่าเช่าคลาวด์ในแต่ละภูมิภาคราคาไม่เท่ากัน ต่างกันที่ความเร็ว ประสิทธิภาพ หรือความปลอดภัยของเคเบิลใต้น้ำ อย่างราคาที่สิงคโปร์แพงกว่าที่อินเดีย


หากรัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี ราคาค่าเช่าคลาวด์ที่อยู่ในประเทศอาจถูกลงได้ และต้องสร้างความน่าเชื่อถือด้าน Data Security ไปพร้อมกัน เพราะแฮ็กเกอร์ก็สามารถแฮ็กจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก 


เมื่อเรามี #ฮาร์ดแวร์ แล้ว ไฮไลต์ที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุดคือ การพัฒนา #ซอฟแวร์ ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น โดยเฉพาะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่เป็นภาษาไทย  ตัวช่วยอ่านข้อความจากภาพ (OCR) ตัวแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text) เราทำได้ดีกว่าของต่างชาติ 


ตอนนี้มีนักวิจัยไทยพัฒนานวัตกรรมด้วย Deep Learning กระจายอยู่ทั้งในมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน ทั้งแบงก์ ประกัน ค้าปลีก สาธารณสุข เพราะปวดหัวกับ 2 ปัญหาใหญ่เวลาใช้บริการจากต่างชาติคือ


แพง! และ บริการผ่านคลาวด์ส่วนใหญ่ไม่มีบริการช่วยเหลือเวลามีปัญหา!


ทำให้องค์กรทั้งหลายเริ่มมองหาผู้ให้บริการไทยที่เข้าใจปัญหาแบบไทยๆได้ดีกว่า ในระยะยาว  การมีระบบของเราเองใช้ฐานข้อมูลในประเทศก็ย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ทั้งความปลอดภัยของข้อมูลและราคาที่ควบคุมได้


ตลาด AI แข่งขันกันเร็วมาก มองไปทางไหนก็มีผู้ให้บริการเต็มไปหมด แต่อยากให้ทุกคนมองไปให้ไกลกว่าเรื่องเทคโนโลยี อย่างงานด้านมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและบริการที่ดีอย่างต่อเนื่อง คนไทยได้เปรียบอยู่แล้ว 😉 แม้ว่าดาต้าเซนเตอร์จะยังไม่ได้ตั้งฐานในไทยเร็ว ๆ นี้ แต่งานด้านอื่นก็ทำบนคอมพิวเตอร์ได้แบบไร้พรมแดน เหมือนที่ Carbonoi เองก็กำลังพัฒนา AI for Climate Change ให้เหมาะกับประเทศไทยอยู่เช่นกัน 



—---------------

ติดตามคาร์บอนน้อยช่องทางอื่นได้ที่

Instagram: carbonoi.ai

—---------------


ความคิดเห็น


ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์นี้ได้แล้ว เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าของเว็บไซต์
bottom of page