ปี 2026 กฎหมาย Climate Change ไทยมาแน่

• บังคับธุรกิจซื้อคาร์บอนเครดิตได้ไม่เกิน 15%

• จัดสรรงบให้ท้องถิ่นสร้างภูมิคุ้มกันปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อธิบดีกรม climate change เล่าละเอียดยิบถึง พ.ร.บ.โลกร้อน (ชื่อเล่นที่นิยมเรียกกัน) เพื่อให้ไทยมีแผนการทำงานที่ชัดเจนตามไทม์ไลน์

ปี 2026 คาดออก “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” สำเร็จ

ปี 2050 บรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

ปี 2065 บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

—--

อ่านย้อนหลังโพสต์ NET ZERO เป้ายอดฮิตของ 150 ประเทศ ได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/gzafachDTmLiJ9qm/

—--

ในกฎหมาย 13 หมวดบวก 1 เต็มไปด้วยเนื้อหาน่าสนใจที่ใครหลายคนรอคอย เพจคาร์บอนน้อยหยิบบางประเด็นมาสรุปให้อ่านกัน มาดูกันว่า #พรบโลกร้อน ฉบับแรกของไทยจะมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง 

วางแผนยุทธศาสตร์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุก 5 ปี จากปี 2030 จนถึง 2050 และเพิ่มพลังงานทดแทนมากขึ้น

.

เรียกข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร ที่จะเป็นการออกรายงานภาคบังคับในอนาคต ซึ่งประเภทและขนาดกิจการที่ต้องรายงานจะพิจารณาในกฎหมายลูกต่อไป

.

สร้างกลไก Emissions Trading System (ETS) ในการจัดสรรการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เน้นลดการปล่อยก่อนซื้อคาร์บอนเครดิตชดเชยได้ไม่เกิน 15%

.

เก็บภาษีคาร์บอนเพื่อสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง โฟกัส 3 สินค้า คือ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน 

.

สร้างกลไกการเงินผ่าน Climate Fund รองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น เงินประเดิมจากภาครัฐ 5,000 ล้านบาท และจะสะสมผ่านกลไก ETS คาดแตะ 1.1 ล้านล้านบาท ในปี 2050

.

จัดทำ Climate Risk Profile ข้อมูลความเสี่ยงเชิงพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นจัดทำแผนปรับตัวระดับพื้นที่ และอปท.ได้เงินอุดหนุน 10% จากการเก็บภาษีเฉพาะ

.

กำหนดบทลงโทษ แต่ไม่มีโทษทางอาญาหรือการจำคุก เน้นการปรับเงินและนำค่าปรับไปใช้ในการสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ มีโทษอาญาส่วนเดียวกรณีจงใจกระทำสิ่งที่ผิดกฏหมาย

.

หมวดบวก 1 คือมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน - Carbon Border Adjustment Mechanism ให้มี Thailand CBAM คล้ายคลึงกับสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แต่กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับกรมศุลกากร

.

.

แน่นอนว่าพรบ.ฉบับนี้จะมีทั้งคนได้คนเสีย และไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจเพียงอย่างเดียว ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบอย่างเป็นธรรมที่สุด สังคมไทยจะมีภูมิคุ้มกันต่อภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเปลี่ยนผ่านสู่ #เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ได้เร็วยิ่งขึ้น

—-------

ขอบคุณข้อมูลจาก  igreenstory และอ่านเนื้อหาการบรรยายของ อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ได้ที่ https://www.igreenstory.co/climate-change-law/