โอ้แม่เจ้า! นี่มันเรื่องจริงยิ่งกว่าหนังไซไฟ แนวคิดยิงอนุภาคลดโลกร้อน
- Carbonoi

- 8 ต.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 9 ต.ค. 2567
เพจคาร์บอนน้อยอยากเอาเรื่องน่าตื่นเต้นในวงการ AI for Climate Change มาเล่าให้ฟังเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Professor Andrew Ng ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera และ DeepLearning.AI ได้มาเยือนไทยครั้งแรก ทุกสำนักข่าวกล่าวขานว่า อาจารย์ Andrew เป็นผู้ทรงอิทธิพล AI โลก และสอนวิชา AI ออนไลน์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วทุกมุมโลก
อ.ฝน สมาชิกทีมคาร์บอนน้อย ได้รับเกียรติเข้าร่วมประชุมพูดคุยในประเด็นการใช้ AI มาช่วยเรื่อง Climate Change ซึ่งนักวิจัยไทยกำลังเดินหน้ากันหลายเรื่อง อาจารย์ Andrew ได้แลกเปลี่ยนว่า ท่านเองก็กำลังทำโครงการแบบจำลอง Stratospheric Aerosol Injection หรือ SAI อยู่
SAI (Stratospheric aerosol injection) คือ การพ่นละอองอนุภาคที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง เช่น ซัลเฟต ที่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ เพื่อสะท้อนรังสีของดวงอาทิตย์กลับออกไปนอกโลก ทำให้ปริมาณความร้อนจากแสงอาทิตย์มาถึงพื้นโลกลดลง แนวคิดนี้มาจากเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ แต่กลับทำให้โลกเย็นลงในช่วงหลังจากนั้นหลายเดือน เช่น การระเบิดของภูเขาไฟปินาตูโบในปี 1991 ที่พ่นซัลเฟอร์ไดออกไซด์ประมาณ 20 ล้านตันเข้าสู่สตราโตสเฟียร์
อาจารย์ Andrew ร่วมกับหลายมหาวิทยาลัยระดับโลก พัฒนาแบบจำลองโดยใช้ Deep Learning ในการคำนวณและคาดการณ์ผลกระทบ จนกระทั่งเปิดโปรแกรมจำลองออนไลน์ ชื่อ Planet Parasol ให้ผู้ใช้งานเข้ามาปรับแต่งตัวแปรของแบบจำลองในการทำวิศวกรรมธรณีด้วยแสงอาทิตย์ (Solar Geoengineering) เพื่อทำนายผลกระทบว่าอะไรอาจเกิดขึ้น หากประเทศต่าง ๆ พยายามแก้ปัญหาโลกร้อน ด้วย SAI
อ.ฝนชวนทุกคนไปทดลองเล่นได้ที่ http://www.planetparasol.ai/
แม้แต่ MIT Technology Review ยังเขียนบทความชวนคนมาลองใช้งานกัน โดยผู้ใช้สามารถเลือกสถานการณ์การปล่อยมลพิษที่แตกต่างกัน และปริมาณอนุภาคที่จะปล่อยในแต่ละปี ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ 25% ไปจนถึง 125% ของการระเบิดของภูเขาไฟปินาตูโบ
แบบจำลอง Planet Parasol จะแสดงระดับความร้อนของโลกจนถึงปี 2100 ด้วยกราฟสองเส้น เส้นหนึ่งแสดงถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่ทำอะไรเลย และอีกเส้นหนึ่งแสดงว่าการใช้วิศวกรรมธรณีด้วยแสงอาทิตย์ สามารถลดความร้อนลงได้มากน้อยเพียงใด
ผลลัพธ์ส่วนใหญ่มักจะออกมาว่าวิธี SAI สามารถหยุดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในทศวรรษถัดไปได้ทันตาเห็น แต่นั่นอาจทำให้เราด่วนสรุปเกินไปว่า เยี่ยม ทำกันเถอะ!
โปรแกรมยังมีข้อจำกัดบางประการ เวอร์ชันปัจจุบันยังไม่รวมผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การทำลายชั้นโอโซน หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบฝน อาจส่งผลต่อการเกษตรหรือโรคระบาด แน่นอนว่าทีมวิจัยมีแผนที่จะปรับปรุงโปรแกรมนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นในอนาคต
อาจารย์ Andrew Ng กล่าวว่า เขาได้ใช้เวลามากขึ้นในการสำรวจศักยภาพของ Solar Geoengineering (บางครั้งเรียกว่า Solar Radiation Managementะ หรือ SRM) เนื่องจากภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นตัวเร่งงานวิจัยด้านนี้ แต่เรายังต้องให้ AI เรียนรู้ข้อมูลเพื่อเข้าใจระบบโลกมากขึ้น
นอกจากนี้ ทีมวิจัยของอาจารย์ Andrew Ng ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ยังนำ AI มาประยุกต์ใช้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกหลายโครงการ เช่น ใช้ AI ระบุแหล่งที่มาของการปล่อยมีเทน จำแนกสาเหตุการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศอินโดนีเซียจากภาพถ่ายดาวเทียม และพยากรณ์ปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
คิดถึงหนังไซไฟเรื่องไหนกันบ้างไหมโลกเราจะร้อนจัดหรือเย็นจัดดูจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยน้ำมือมนุษย์แล้ว แต่ก่อนจะตัดสินใจวู่วามกันไป เราคงต้องช่วย AI หาความเป็นไปได้ทุกทาง ประเมินให้รอบด้านจะดีกว่า
ท้ายสุด อ.ฝนแนะนำว่า เราก็ยังต้องเดินหน้า #ลดการปล่อยคาร์บอน กันต่อไป เช่น ปรับปรุงกระบวนการผลิต เปลี่ยนการเดินทาง เลือกอาหารการกิน ล้วนเป็นวิธีที่ทำได้วันนี้และพิสูจน์แล้วว่าจะช่วยลดโลกร้อนได้จริง ๆ
—-
อ้างอิง
- Andrew Ng’s new model lets you play around with solar geoengineering to see what would happen, MIT Technology Review, August 23, 2024


ความคิดเห็น