3 ปัจจัยที่คนรวย 10% ของโลกทำโลกร้อนหนักสุด
- Carbonoi
- 11 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change นำเรื่องโลกร้อนกับความรวยมาเชื่อมโยงกัน พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2020 สูงกว่าปี 1990 อยู่ที่ 0.61°C มาจากกลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม
🔥 กลุ่มคนรวยสุด 10% ของโลก มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น 65%
🔥 กลุ่มคนรวยสุด 1% ของโลก มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น 20%
🔥 กลุ่มคนรวยสุด 0.1% ของโลก มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น 8%
ที่น่าสนใจคือ เขาพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักในการปล่อยคาร์บอนของแต่ละคน โดยใช้ชุดข้อมูลความไม่เท่าเทียมทางรายได้และทรัพย์สินจากฐานข้อมูล World Inequality Database มาใส่ใน input-output model เพื่อดูว่า การใช้เงิน/เงินลงทุน 1 หน่วยจากคนในแต่ละกลุ่มรายได้ นำไปสู่การกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจใด และกิจกรรมนั้นมี “คาร์บอนฝังแฝง” (embedded carbon) เท่าใด
.
1.การบริโภคส่วนตัว
ไลฟ์สไตล์สุดหรูมีผลโดยตรง อย่างการอยู่บ้านหลังใหญ่ เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว รวมถึงคาร์บอนฟุตปริ้นท์ที่แฝงอยู่ในสินค้าและบริการ เช่น แบรนด์เนมหรูนำเข้า หรือ มื้ออาหารที่มาจากวัตถุดิบข้ามโลก
.
2.การใช้จ่ายภาครัฐ
ภาษีที่คนรวยเสียให้ภาครัฐ ย่อมถูกนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการ เช่น การบริหารราชการ ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งสาธารณะ หรือการป้องกันประเทศ ยิ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่ทุกอย่างเพียบพร้อม ยิ่งปล่อยคาร์บอนมาก
.
3.การลงทุนส่วนตัว
เงินลงทุนทำให้เกิดการขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ซื้อ ‘หุ้นบริษัทน้ำมัน’ เป็นการสนับสนุนการขุดเจาะและขายเชื้อเพลิงฟอสซิล / ‘กองทุนอสังหาริมทรัพย์’ ส่งผลต่อ การพัฒนาโครงการก่อสร้างที่ใช้ซีเมนต์และเหล็ก / ‘สตาร์ทอัพไฮเทค’ อาจเชื่อมโยงกับการสนับสนุนดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้ไฟมหาศาล
.
.
แล้วคนรวยจะช่วยรับผิดชอบอย่างไร? การเก็บภาษีความมั่งคั่งและการจัดสรรเงินทุนเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเริ่มเป็นแนวทางของหลายประเทศในการพัฒนากฎหมายใหม่ให้ครอบคลุม
เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้จะกล่าวโทษคนรวยแต่อย่างใด แต่น่าคิดว่า หากเรามีแรงจูงใจให้กลุ่มคนเพียง 10% ของทั้งโลก นำเงินไปสนับสนุน low-carbon economy แทน ก็อาจทำให้เราไปถึงเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้นมาก 😉
—-------
อ้างอิง
Comentarios