Climate Justice ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? บนโลกใบเดียวกัน แต่โดนผลกระทบไม่เท่ากัน
- Carbonoi

- 2 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
ในห้วงเวลาที่สังคมไทยกำลังเรียกร้องความยุติธรรมในหลาย ๆ เรื่อง เพจคาร์บอนน้อยชวนมองอีกหนึ่งมิติที่กระทบกับคนในสังคมไม่แพ้กัน Climate Justice = ความยุติธรรม + สภาพภูมิอากาศ
📌 การผสมสองคำนี้เกิดจากแนวคิดที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นปัญหาความยุติธรรมทางสังคมด้วย โดยเฉพาะ ประเทศยากจน หรือกลุ่มเปราะบาง เป็นกลุ่มที่ปล่อยคาร์บอนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศร่ำรวยหรือธุรกิจใหญ่ แต่เมื่อเจอภัยธรรมชาติ กลับได้รับความเสียหายมากกว่า
เกิดเป็นคำถามที่ปนไปด้วยอารมณ์โกรธ จนบางกรณีถึงขั้นฟ้องร้องกัน เช่น ทำไมคนจนถึงต้องจ่ายค่าไฟเพิ่ม ในขณะที่บริษัทใหญ่ยังได้อุดหนุนพลังงาน? ทำไมหลังเกิดภัยพิบัติ คนบางกลุ่มสูญเสียที่ทำกินแต่ไม่ได้รับค่าชดเชยที่เหมาะสม?.อย่าเพิ่งหมดหวัง! ในหลายประเทศได้คืนความยุติธรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากประเด็น #ClimateJustice
.
🇳🇿 รัฐบาลนิวซีแลนด์ยอมรับสถานะ แม่น้ำ Whanganui เป็น “บุคคลทางกฎหมาย” ในปี 2017 เพื่อปกป้องแม่น้ำตามหลักความเชื่อของชาวเมารี ที่มองว่าแม่น้ำคือบรรพบุรุษ จึงคืนอำนาจให้ชุมชน สร้างระบบดูแลทรัพยากรที่เคารพทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ.🇩🇪 ศาลสูงสุดของเยอรมนีวินิจฉัยในปี 2021 ว่า กฎหมายภูมิอากาศฉบับเดิม ละเมิดสิทธิของเยาวชน เพราะไม่วางแผนลดคาร์บอนอย่างเพียงพอในอนาคต ทำให้รัฐบาลต้องออกกฎหมายใหม่ เพิ่มเป้าหมาย Net Zero ที่เข้มข้นกว่าเดิม
.
🇮🇩 ประชาชนจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ กรณีไม่จัดการปัญหามลพิษทางอากาศจากไฟป่า จนกระทั่งศาลตัดสินในปี 2021 ให้รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการควบคุมคุณภาพอากาศ
.
.
🇹🇭 ส่วนในประเทศไทย เรามีวิธีที่น่าสนใจที่สร้างความเป็นธรรมให้กับระบบนิเวศได้เช่นกัน
มีโครงการจ่ายค่าตอบแทนบริการระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem Services) แก่ชุมชนที่อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ที่เชียงใหม่และน่าน ซึ่งเป็นกลไกให้ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากป่าต้นน้ำ จ่ายค่าตอบแทนให้กับชุมชนที่ดูแลป่า แนวคิดใหม่นี้ตรงข้ามกับตลาดคาร์บอนเครดิต ที่ให้ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย.
.Climate Justice จึงไม่ใช่แค่ความพยายามลดคาร์บอน แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำไปพร้อมกัน
—-----
อ้างอิง



ความคิดเห็น