ซีรีส์ Lost Crops พืชที่โลกกำลังสูญเสีย: EP.4 กาแฟ จะรอดไหม?
- Carbonoi
- 14 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 ก.ค.
EP.4 กาแฟ
☕ กาแฟเริ่มมีอาการนอนไม่หลับเหมือนกัน เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่า ต้นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้ามีกลไกทางธรรมชาติ คล้ายกับ “นาฬิกาชีวภาพ” ที่ควบคุมการเจริญเติบโต เมื่ออุณหภูมิสูงผิดปกติในเวลากลางคืน ต้นกาแฟจะเข้าสู่โหมด “เครียด” เหมือนคนนอนไม่พอ ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง
แหล่งปลูกกาแฟคุณภาพสูงหลายแห่งเริ่มย้ายพื้นที่เพาะปลูกขึ้นไปบนภูเขาที่สูงกว่าเดิม เพื่อหนีอากาศร้อนจัด เกษตรกรต้องปลูกในระดับความสูงเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3-5 เมตรในโคลอมเบีย เอธิโอเปีย และเวียดนาม
นอกจากจะเครียดเพราะร้อนแล้ว ต้นกาแฟยังถูกจู่โจมจาก “ด้วงเจาะผลกาแฟ” (Coffee Berry Borer) ที่เคยอาศัยอยู่แค่ในพื้นที่ร้อนจัดเท่านั้น แต่กองทัพด้วงกำลังขึ้นสู่พื้นที่สูงกว่าเดิมได้ถึง 300 เมตร คุกคามภูมิภาคปลูกกาแฟเย็น ๆ อย่างเคนยา โคลอมเบีย หรือแม้แต่ภาคเหนือของไทย
เพื่อป้องกันตัวจากศัตรูพืชและอากาศร้อน ต้นกาแฟจะผลิตสารคาเฟอีนและสารขมในระดับที่สูงกว่าปกติ ทำให้รสชาติกาแฟเข้มจัดขึ้น แต่มีกลิ่นหอมและรสชาติซับซ้อนน้อยลง
🌍 พื้นที่เพาะปลูกกาแฟหลักใน “เขตกาแฟ” (Coffee Belt) ระหว่างละติจูด 20 องศาเหนือ ถึง 30 องศาใต้ ที่มีสภาพอากาศอบอุ่น ชื้น และระดับความสูงพอเหมาะ กำลังเสี่ยงต่อภัยโลกร้อนมากที่สุด เขตกาแฟนี้ครอบคลุมหลายทวีป ทั้งอเมริกาใต้ อเมริกากลาง แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
💸 อีกด้านหนึ่ง ประชากรกำลังขยายตัว คนดื่มกาแฟมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดกาแฟทั่วโลก จะอยู่ที่ 5.4%ต่อปี ในช่วงปี 2024–2032 แต่ผลผลิตกาแฟที่ลดลง ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
ราคากาแฟโรบัสตาเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวตั้งแต่ต้นปี 2023 ส่วนใหญ่เป็นผลจากภัยแล้งในเวียดนาม แต่ผลผลิตที่ไม่แน่นอน ปลูกกาแฟไปก็ไม่คุ้มทุน เกษตรกรจำนวนมากต้องเลิกอาชีพนี้ไปในที่สุด
เทคโนโลยียังเป็นความหวัง ทั้งการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟใหม่ที่ทนต่อสภาพอากาศ การปรับตัวด้วยการปลูกพืชหลากหลาย หรือการทำเกษตรใต้ร่มไม้ (agroforestry) แต่เกษตรกรรายย่อยยังขาดข้อมูล เจอกับค่าใช้จ่ายสูง ระยะเวลาคืนทุนนาน
กาแฟที่เคยเป็นความสุขเล็ก ๆ อาจกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดูเหมือนโลกร้อนได้ทำให้เช้าวันใหม่ของเราชักจะขม(ขื่น) ยิ่งกว่ากาแฟเสียอีก
—-----------
อ้างอิง
Comentarios