ซีรีส์ Lost Crops พืชที่โลกกำลังสูญเสีย: EP.5 องุ่นไวน์ จะรอดไหม?
- Carbonoi

- 18 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
EP.5 องุ่นไวน์
🍷 ไวน์ที่ดีคือศิลปะของ “ความสมดุล” ที่เกิดจากสามองค์ประกอบหลัก กรด แทนนิน และแอลกอฮอล์ ซึ่งต่างมีบุคลิกชัดเจนและต้องทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่กลมกล่อมในปาก แต่ภาวะโลกร้อนกำลังรบกวนความสมดุลนี้อย่างรุนแรง วงจรชีวิตเจ้าองุ่นกำลังเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ทั้งดอกบานเร็วและสุกเร็ว จนทำให้ไวน์หวานแรง! เมาเร็ว!
✨ กรด (Acidity) คือสิ่งที่ทำให้ไวน์สดชื่นและมีชีวิต โลกร้อนทำให้อุณหภูมิกลางคืนสูงขึ้น ส่งผลให้กรด โดยเฉพาะ malic ac dทสลายตัวเร็วกว่าเดิม ไวน์จึงรสจืด เปรี้ยวน้อย ขาดความสด
✨ แทนนิน (Tannins) คือรสฝาดที่ให้โครงสร้างและความลึกในไวน์แดง แต่แทนนินต้องใช้เวลาในการพัฒนา หากองุ่นสุกเร็วเพราะอุณหภูมิสูง ยังไม่ทันพัฒนาเต็มที่ ก็ต้องเก็บเกี่ยวแล้ว ทำให้ไวน์บางชนิด รสขมไม่กลมกล่อม
✨ แอลกอฮอล์ (Alcohol) เกิดจากน้ำตาลในองุ่น เมื่อองุ่นสุกเร็วเพราะโลกร้อน จึงตามมาด้วยน้ำตาลสูงขึ้น หมักแล้วได้ไวน์ที่แอลกอฮอล์สูงเกินไป กลบรสอื่น และดื่มยากขึ้น
🍇 ยุโรปเป็นหนึ่งในทวีปที่ร้อนเร็วที่สุดในโลก โดยมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 2.5°C ตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่เพิ่มราว 1.1–1.2°C ทำให้สภาพอากาศที่เคยเหมาะสมกับองุ่นพันธุ์เย็น เช่น Pinot Noir, Merlot, Chardonnay เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ไวน์ยุโรปส่วนใหญ่ระบุถิ่นกำเนิดชัดเจน เช่น Bordeaux ในฝรั่งเศส, Chianti ในอิตาลี ซึ่งแต่ละพื้นที่จะปลูกเฉพาะพันธุ์องุ่นแบบดั้งเดิมและต้องใช้กระบวนการผลิตเฉพาะ เมื่อภูมิอากาศเปลี่ยน ผู้ผลิตจึงไม่สามารถเปลี่ยนพันธุ์องุ่นได้ง่าย หลายไร่ใช้ระบบปลูกที่ไม่มีร่มเงา ใช้น้ำฝนเป็นหลัก และมีพื้นที่ลาดชัน ไม่เหมาะกับภาวะความร้อนจัด ทำให้ยืดหยุ่นน้อยกว่าภูมิภาค New World อย่างออสเตรเลีย ชิลี หรือแอฟริกาใต้
🇦🇺 รู้ไหมว่าในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนีย ไฟป่าทำให้กลิ่นควันซึมเข้าเปลือกองุ่น แม้ไร่องุ่นจะรอดจากไฟก็ตาม ทำให้ไวน์มีกลิ่น “smoke taint” เหมือนไวน์ถูกเผา กลายเป็น ไวน์รสไฟไหม้
🇳🇿 ส่วนนิวซีแลนด์กำลังปรับตัวต่อ climate change อย่างเป็นระบบ ไร่องุ่นกว่า 96% อยู่ภายใต้ระบบ Sustainable Winegrowing NZ (SWNZ) โดยใช้ data-driven vineyard และปลูกพันธุ์ที่ทนร้อน
บริษัท Auxein ของนิวซีแลนด์ได้พัฒนาโมเดลและชุดข้อมูลเรียลไทม์ที่เก็บข้อมูลลึกระดับแปลง ตั้งแต่ปี 1900–2024 พร้อมคาดการณ์ไปถึงปี 2100 ศึกษาองค์ประกอบเชิงสภาพภูมิอากาศ อย่างวันที่มีอากาศร้อน ช่วงอุณหภูมิกลางวัน-กลางคืน ฝน ความเข้มแสง ซึ่งช่วยให้เข้าใจความเสี่ยงและโอกาสเฉพาะพื้นที่ เช่น การเลือกสายพันธุ์ใหม่ การปรับวิธีเก็บเกี่ยว หรือการจัดการให้องุ่นสุกสม่ำเสมอทั้งไร่
แม้ไวน์พันธุ์พรีเมียมยังไม่ถึงขั้นสูญพันธุ์ แต่เสี่ยงสูญเสียคุณภาพ หากปลูกในพื้นที่เดิมต่อไป คนทำไวน์ต้องปรับตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรักษาเสน่ห์ของเครื่องดื่มที่เป็นทั้งศิลปะ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมในขวดเดียว ถ้าไม่ขยับทันเวลา สิ่งที่หายไปอาจไม่ใช่แค่รสไวน์ แต่อาจเป็นภูมิปัญญาทั้งรุ่นของผู้ปลูกด้วย
—-----------
อ้างอิง
—---------------------




ความคิดเห็น